Note, Top Note, Heart Note, Base Note คือ (ตอนที่ 2)

หลังจากเมื่อตอนที่แล้วที่เราทราบแล้วว่า Note ที่เกี่ยวกับน้ำหอม มันคืออะไร วันนี้มาต่อกันด้วยเรื่องของ Top Note ว่ามันคืออะไรกันเลย

Top Note คือ กลิ่นที่เราได้รับรู้ทันทีที่น้ำหอมถูกฉีดออกมา มันประกอบด้วยโมเลกุลขนาดเล็กและเบาบางมากๆ มันเล็กและเบาบางและระเหยอย่างรวดเร็วอีกด้วย Top Note คือกลิ่นแรกที่ผู้ซื้อน้ำหอมจะได้กลิ่นและประทับใจ ผู้ซื้อจะซื้อหรือไม่ซื้อ กลิ่น Top Note มีส่วนในการตัดสินใจของผู้ซื้อเป็นอย่างมาก กลิ่นของน้ำหอม Top Note นี้โดยส่วนมากจะอธิบายถึงกลิ่นแบบ สด (Fresh), โดดเด่น (Assertive), ชัดเจน (Sharp) สารประกอบจะช่วยให้ Top Note มีกลิ่นหอมระเหยชัดเจนมากขึ้นและระเหยได้รวดเร็วขึ้น กลิ่นไซตรัสและขิงเป็นกลิ่นที่ใช้กันทั่วไปใน Top Note บางครั้งเราเรียก Top Note ว่า Head Note ก็ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่ากลิ่น Top Note จะมาเร็วและระเหยไปเร็วแต่ก็ยังมี Heart และ Base Note ที่คอยช่วยทำให้น้ำหอมสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ตอนแรกคิดว่าจะค่อยเขียนถึง Heart Note แต่เปลี่ยนใจกลับมาเขียนอีกครั้งดีกว่าจะได้จบในตอนเดียวเลย Heart Note หรือเรียกว่า Middle Note ก็ได้เหมือนกันเกิดขึ้นหลังจากกลิ่น Top Note ได้ฟุ้งกระจายออกไปแล้ว กลิ่น Middle Note นี้กลิ่นของสารจะให้กลิ่นที่กลมกล่อม กลิ่นของ Middle Note จะให้กลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป 2 นาทีหลังจากฉีดและจะคงอยู่ไประมาณหนึ่งชั่วโมง กลิ่น Middle Note ส่วนใหญ่ที่นำมาทำจะใช้กลิ่น Lavender และ กุหลาบ

Base Note คือ กลิ่นปิดท้ายต่อจากกลิ่น Heart Note กลิ่น Base Note และ Heart Note เป็นกลิ่นหลักเลยในน้ำหอม Base Note จะทำให้กลิ่นมีความลึกล้ำและกลิ่นแรงขึ้น สารประกอบใน Base Note นี้ส่วนใหญ่จะทำให้กลิ่นของ Top Note และ Heart Note อยู่ได้นานขึ้น มันเป็นโมเลกุลที่ใหญ่และหนักซึ่งระเหยได้ช้ากว่า Top Note และ Heart Note เราจะได้รับรู้กลิ่นนี้ก็ต่อเมื่อผ่านไปประมาณ 30 นาทีหรือมากกว่านั้น บางครั้งก็ยังพบว่า หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วกลิ่น Base Note จึงปรากฎออกมา โดยเฉพาะ Base Note ที่มาจากสัตว์และมัสค์

ขอขอบคุณข้อมูลดีดี จาก K.nok wearecharming ด้วยครับ

Note, Top Note, Heart Note, Base Note คือ (ตอนที่ 1)

สวัสดีครับ Perfumista ทุกๆคน วันนี้ขอมีสาระนิดนึงนะครับ หลังจากที่เราไร้สาระกันนานระ ฮะๆ ปกติเขียนแต่น้ำหอมใหม่ๆเอ่ย ข่าวใหม่ๆ คนดังๆกับน้ำหอมใหม่ๆ แต่เราไม่ค่อยเขียนความรู้ให้ท่านๆได้รับรู้กันบ้างเลย วันนี้หล่ะ ตอนนี้เลย เราเริ่มมีสาระกันแล้ว มันเหมือนกับภาษาอังกฤษที่ว่า Back to Basic คือให้เรามาเรียนรู้พื้นฐานกันก่อน ก่อนที่เราจะไปทดลองของจริงกันว่า เออ...มันเป็นแบบที่เราอธิบายจริงๆหรือปล่าวนะ ช้าอยู่ใย มาอ่านกันเลยแล้วกัน

Note ที่เราเรียกกันในน้ำหอมนั้นมันคือลักษณะของกลิ่นน้ำหอมที่เราสามารถสัมผัส (ได้กลิ่น) ในน้ำหอมขึ้นอยู่กับว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นแนวใดใช้วัตถุดิบอะไร Note แบ่งได้เป็น 3 ระดับ top/head notes, middle/heart notes, และ base notes ซึ่งหมายถึงกลุ่มของกลิ่นที่สามารถรับรู้ได้ในช่วงของเวลาหลังจากได้สัมผัส Note ได้รับการรังสรรค์อย่างระมัดระวังและความรู้จากการระเหยและความตั้งใจในการนำไปใช้ว่า จะนำไปใช้ทำอะไร อย่างไรก็ตามในแต่ละระดับของกลิ่นน้ำหอม มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เราจะได้กลิ่นนั้นกลิ่นนี้ในเวลาที่แน่นอน มันสามารถที่จะเปลี่ยนระดับกลิ่นของมันด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ระดับกลิ่น middle/heart notes, และ base notes จะแสดงผลออกมาเมื่อให้เราได้รับรู้เมื่อระดับกลิ่น top note ได้แสดงกลิ่นของตัวเองออกมาสูงสุดและในขณะเดียวกันเราจะได้รับกลิ่น base note ก็ต่อเมื่อกลิ่นระดับ middle/heart notes แสดงผลออกมาในระดับที่สูงสุดเช่นกัน

ความคิดเรื่อง Note นี้ถูกใช้เป็นข้อมูลและความรู้พื้นฐานในการตลาดของน้ำหอม ความรู้พวกนี้ถูกใช้ไม่บ่อยนักโดยนักรังสรรค์ปรุงแต่งกลิ่นน้ำหอมเพื่อใช้อธิบายกลิ่นต่อลูกค้าเซเลบจนถึงคนธรรมด้าธรรมดาว่าน้ำหอมนี้ได้มาจากส่วนประกอบอะไรบ้าง อันนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ อะไรก็ว่าไปตามแต่จะจินตนาการของนักปรุงแต่งและลูกค้านั่นเอง

ตอนแรกคิดว่าจะเขียนต่อเรื่อง Top Note, Heart Note, Base Note แต่รู้สึกขี้เกียจซะแระ งั้นมาต่อในบทความที่ 2 นะครับ คงจะเขียนอีกเร็วๆนี้ สำหรับวันนี้ต้องขอล่อไปก่อน (ลามันวิ่งหายไปไหนไม่รู้ ฮะๆ) สวัสดีครับ

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก K.นก wearecharming ครับ

น้ำหอมแท้

น้ำหอม ของแท้ ดูยังไง
เราจะรู้ได้ไงว่าน้ำหอมที่เราซื้อมาเป็น ของแท้ จะทำยังไงถึงจะรู้ว่าน้ำหอมของแท้รึเปล่า ร้านขายน้ำหอมมีเต็มไปหมด แต่สิ่งที่ต้องการคือ น้ำหอมของแท้ หลายๆคนก็เข้าไปซื้อที่เค้าเตอร์ห้างเพื่อความสบายใจและมั่นใจว่าได้ น้ำหอมของแท้100% แต่ราคาในเค้าเตอร์ห้างก็ใช่ว่าจะสามารถซื้อได้ทุกคน หรือ ซื้อได้ทุกกลิ่นที่เราต้องการ แต่ร้านที่ไม่ใช่เค้าเตอร์ห้างก็มีน้ำหอมของแท้มาขายราคาก็ถูกแสนถูก เพราะฉนั้นเราต้องมาหาวิธีดูว่าน้ำหอมของแท้100%

วิธีดู น้ำหอม ของแท้

1. ซีลพลาสติก 
น้ำหอม ของแท้ 80-90% มีซีลพลาสติก ซึ่งกาวที่ใช้ซีลพลาสติกก็มีความพิเศษ กาวที่ว่านี้จะมีความ ใส ใสมากๆ กาวนี้ปลอมยากมาก การติดกาวแต่ล่ะแบรนด์ก็ต่างกันถ้ามองดีๆจะเห็น เช่น DKNY จะติดกาว เป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า 
และการซีลพลาสติกของแต่ล่ะแบรนด์ก็มีความแตกต่างกัน เราสามารถเข้าไปดูในเค้าเตอร์ห้างหรือสอบถามที่ http://udonfragrance.tarad.com/ หรือ http://udperfume.weloveshopping.com/ ก็ได้


2. กล่อง 
น้ำหอม ของแท้ ทุกแบรน์ ต้องมีสิ่งที่ใช้ห่อหุ้ม กล่อง กระป๋อง พลาสติกทำเป็นกรอบ ในเมื่อแต่ล่ะแบรนด์มีความแตกต่าง ฉนั้นเราต้องไปหาดูก่อนว่ากล่องมันควรเป็นแบบไหน


3. ตัวหนังสือ 
น้ำหอม ของแท้ ต้องมีตัวหนังสือที่คม ยี้ห้อชัดเจน แม้ว่าตัวหนังสือจะเล็กขนาดไหนก็ต้องอ่านได้ชัด ไม่เลือนลาง


4. ซับกล่อง
น้ำหอม ของแท้ ของในหล่อง จะมีซับกล่องอีกที เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหอมขยับในกล่องทำให้น้ำหอมเสียหาย


5. รหัสต่างๆ
น้ำหอม ของแท้ จะมีรหัสอยู่ 2-3 แบบ แล้วแต่ว่าผู้ผลิตจะใช้รหัสรวมกัน หรือ แยก
5.1 รหัส ล๊อตผลิต 
5.2 รหัส ประเทศจำหน่าย
5.3 รหัส รหัส สินค้า
การติดรหัสแต่ล่ะแบรนด์ก็จะต่างกัน ยิงด้วยเลเซอร์ ปั้มตัวยุบ ทำตัวนูน ทำตัวยุบลงไปแล้วใส่สี 
ต้องมีรหัสอยู่ชุดนึงที่ กล่อง กับ ขวด ตรงกัน บางแบรนด์ก็ใช้ รหัส ล๊อตผลิต


6. ขวดน้ำหอม
น้ำหอม ของแท้ จะมีขวดสวย ตามรอยต่อจะเรียบสนิทไม่บาทมือ ตัวหนังสือจะต้องคมรายละเอียดชัดเจน ยกเว้น รหัสกับบาร์โค้ดที่ยิงด้วยเลเซอร์ บาร์โค้ดอาจจะเบี้ยวๆนิดๆ


7. ก้านเสปรย์
น้ำหอม ของแท้ ส่วนใหญ่เราจะมองเห็นเข้าไปในขวด เราจะได้เห็นก้านเสปรย์ ส่วนก้านเสปรย์ที่ยังไม่เคยใช้ จะยังมีอากาศอยู่ประมาณครึ่งหลอด หรือเต็มหลอด อย่าลืมดูนะครับจะได้รู้ว่ามีใครแอบใช้ไปรึเปล่า


8. แอลกอฮอล์
น้ำหอม ของแท้ เมื่อเราทำการฉีดที่ข้อมือเพื่อลองดม จะมีกลิ่นของ แอลกอฮอล์ ไม่แรงจนเกินไป แต่จะมีบางตัวที่กลิ่นแอลกอฮอล์แรง เช่น Bvlgari BLV Pour Homme EDT น้ำหอมตัวนี้ตอนฉีดครั้งแรงจะมีกลิ่นของ แอลกอฮอล์ ขึ้นมา แต่พอเราปล่อยให้น้ำหอมซึมเข้าผิว จะเหลือแต่กลิ่นสดชื่น น้ำหอมบางตัวต้องมีการเปรียบเทียบ


9. กลิ่น นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
น้ำหอม ของแท้ ไม่ว่าจะผลิตมาแล้ว ร้อยครั้ง พันครั้ง ผลิตครั้งที่ เท่าไหร่กลิ่นก็จะเหมือนเดิม ถ้าคุณเคยใช่แล้วต้องลองเทียบกับอันเก่าของคุณว่าเหมือนกันทุกอย่างรึเปล่า ทั้งความหอม และ ความทน เหมือนกันรึเปล่า



วิธีดูน้ำหอมของแท้ 
เพื่อนๆสามารถเอาไปใช้ดูน้ำหอมของเพื่อนๆที่เพิ่งซื้อมาว่าแท้รึเปล่า หรือ เพื่อนๆมีวิธีอื่นเพิ่มเติมก็โพสทิ้งไว้ เอาไว้ใช้เวลาเลือกซื้อน้ำหอมจะได้ไม่โดนหลอก

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากร้านคุณปอนด์ parfumbeauty  ด้วยนะครับ

หมายเหตุ ทุกอย่างมีการผิดพลาดได้ น้ำหอมก็เหมือนกัน ความผิดพลาดจากผู้ผลิตเกิดขึ้นได้ และมีอยู่ตลอดเวลา เช่น น้ำหอมตกตะกอน กลิ่นแรงเกินไป กลิ่นเบาเกินไป เสปรย์กดไม่ลง แกะกล่องมาน้ำหอมในขวดไม่มี ความผิดพลาดจากผู้ผลิต สามารถเกิดขึ้นได้ทุกแบรนด์ทางที่ดีควรหา ร้าน น้ำหอม ของแท้ ที่ขายแต่ของแท้ และเป็นร้านที่มีความน่าเชื่อถือ

น้ำหอม จังหวัดอุดรฯ

น้ำหอมมิสอุดรซันไฌม์

ผลิตจากกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้ แวนด้ามิสอุดรซันไฌน์ ที่มีกลิ่นหอมตั้งแต่เวลา 8.00-14.00 น. จากจะปิดต่อมกลิ่น กระบวนการขั้นตอนการผลิต ทำการผลิตโดยสกัดกลิ่นน้ำหอมในห้องแลปในสำนักงานภายใต้การควบคุมของกรมสรรพสามิต      น้ำหอมมิสอุดรซันไฌน์ ของ ดร.ประดิษฐ์ คำเพิ่มพูน ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านเลื่อม อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ ระดับห้าดาว ประจำปี พ.ศ. 2547 ตามโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ปี พ.ศ. 2547 (OTOP Product Champion) ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2547 ประวัติ      เมื่อปี พ.ศ. 2520 นายประดิษฐ์ คำเพิ่มพูล ประสบความสำเร็จในการผสมเกษรกล้วยไม้ (ปรับปรุงสายพันธุ์) "Miss Udorn Sunshine" หรือ "นางสาวอุดรซันไฌน์" ระหว่างแวนด้า (Vanda) สามปอยดงกล้วยไม้ป่าของไทย และแวนด้า (Vanda) โจเซฟฟิน แวนเบอร์โร่ (Josephine Van Berrow)        ได้รับจดทะเบียนลิขสิทธิ์ที่สมาคมกล้วยไม้โลกประเทศสหราชอาณาจักร "นางสาวอุดรซันไฌน์" จะมีกลิ่นหอมในช่วงเช้าจนถึงเวลาประมาณบ่ายสองโมง และสามารถนำมาสกัดน้ำหอมได้      นางสาวอุดรซันไฌน์ เกิดที่จังหวัดอุดรธานี เป็นกล้วยไม้แวนด้าใบร่อง ลูกผสมระหว่างสามปอยดงและ โจเซฟฟิน แวนโบโร ผสมเกษรเมื่อ พ.ศ. 2520      การออกดอก พ.ศ. 2530 ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ที่สมาคมกล้วยไม้โลก ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2531 กลิ่นจะเริ่มหอมตั้งแต่เช้าตรู่ถึงเวลาประมาณบ่ายโมงในฤดูร้อน ในฤดูหนาวกลิ่นจะเริ่มหอมตั้งแต่เวลาประมาณ 9.00 - 14.00 น. ต่อมกลิ่นจะปิด-เปิดในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ จนกว่าดอกจะแห้ง ผลิตเป็นน้ำหอมเมื่อ พ.ศ. 2533